วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ความจริง! ซิ่ง PORSCHE ชนลูกอดีตรมต.

ความจริง! ซิ่ง PORSCHE ชนลูกอดีตรมต.



                         "เมาแล้วขับ" เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่ขาดระยะ ไม่เว้นแม้แต่กรณีนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมชื่อดังย่านถนนข้าวสาร "ไทยฟ้า ชยวรประภา" กรรมการผู้จัดการ บจ.บัดดี้ กรุ๊ป และเจ้าของโรงแรมบัดดี้ วิลเลจ วัย 54 ปี ที่เสียชีวิตไปเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนน
                         หลังจากที่นักธุรกิจเจ้าของโรงแรมรายนี้ ขับรถยนต์เปอร์เช่ รุ่น 911 จีที 2 ทะเบียน กก 911 กรุงเทพมหานคร ชนกับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน ษข 3333 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมี พ.ต.ศักดิภัทร ปทุมารักษ์ บุตรชาย "ชาญชัย ปทุมารักษ์" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ขับขี่ เป็นเหตุให้ทั้งสองเสียชีวิตคาที่ และยังทำให้ "อำนาจ กลิ่นอยู่" วัย 30 ปี ได้รับบาดเจ็บไปด้วย เนื่องจากขับรถยนต์มาสด้า 2 สีขาว ทะเบียน ฎว 2188 พุ่งชนเป็นคันที่ 3 ต่อเนื่องกัน
                         อุบัติเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ เกิดขึ้นบนทางด่วนโทลล์เวย์ ขาออก ช่วงหน้าสำนักงานที่ทำการหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2555 ซึ่ง พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้าอำนวยการการทำงานของตำรวจพิสูจน์หลักฐานด้วยตัวเอง เพื่อไขปริศนาชนวนเหตุแห่งอุบัติเหตุร้ายแรงคดีนี้
                         หลังเกิดเหตุศพนายไทยฟ้า และศพ พ.ต.ศักดิภัทร ถูกส่งไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีระเบียบปฏิบัติว่า กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร เจ้าหน้าที่ต้องเก็บหลักฐานจากเลือด โดยการตรวจปริมาณแอลกฮอล์ในเลือดส่งให้พนักงานสอบสวนใช้ประกอบสำนวนคดี
                         พบว่า นายไทยฟ้า มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากถึง 131 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขณะที่ พ.ต.ศักดิภัทร มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 62 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขณะที่กฎกระทรวงฉบับที่ 16 พ.ศ.2537 ออกตามความ พ.ร.บ.จราจร พ.ศ.2522 กำหนดให้ผู้ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่า "เมาสุรา"
                         ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่พบในร่างกายของผู้ตายทั้ง 2 คน เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ผู้ตายทั้งสองขับขี่รถยนต์ขณะ "เมาสุรา" ส่วนนายอำนาจ ซึ่งได้รับบาดเจ็บ พบว่า "ไม่ได้ดื่มสุรา"
                         หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ส่วนนี้ ชี้ชัดว่า "การขับรถขณะเมาสุรา" เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ 
                         ขณะที่ภาพวงจรปิด รวมถึงร่องรอยในที่เกิดเหตุ ทั้งรอยเบรก และรอยครูดของรถยนต์ ที่ปรากฏอยู่บนผิวถนนเป็นระยะทางยาวประมาณ 120 เมตร และสภาพความเสียหายที่เกิดจากการชนของรถยนต์ทั้ง 3 คัน เป็นหลักฐานอีกส่วนที่บอกเล่าถึงวินาทีแห่งความเป็นความตาย
                         ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ประมวลหลักฐานทั้งหมดจัดทำเป็น "แอนิเมชั่น" จำลองเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ
                         เริ่มจากทางด่วนโทลล์เวย์ ขาออก จุดเกิดเหตุแบ่งช่องจราจรไว้ 3 ช่อง ซึ่งร่องรอยที่เกิดเหตุชี้ชัดว่า จุดชนครั้งแรกอยู่ใน "ช่องกลาง" ค่อนไปทางขวา โดยรถยนต์ปอร์เช่ ใช้ความเร็วสูงถึง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พุ่งชนท้ายรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ซึ่งวิ่งด้วยความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
                         โดยรถปอร์เช่ใช้บริเวณหน้าขวาชนเข้าที่ด้านหลังค่อนไปทางซ้ายของรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ด้วยความสูงของตัวถังรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ที่มีมากกว่า ทำให้รถปอร์เช่มุดเข้าใต้ท้อง และด้วยความแรงทำให้รถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์กระเด็นลอยจากพื้นถนน ก่อนที่บริเวณท้ายรถจะตกลงมากระทบประตูด้านฝั่งคนขับรถปอร์เช่ ซึ่งมีสีเทาของรถปอร์เช่ติดอยู่บริเวณใต้ท้องรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์เป็นหลักฐานยืนยัน เช่นเดียวกับบริเวณหลังคารถปอร์เช่ที่เปื้อนน้ำมันเฟืองท้าย ขณะที่เฟืองท้ายของรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์แตก ขอบล้อแม็กซ์หลังด้านขวาแตก โดยมีชิ้นส่วนไฟหน้ารถด้านขวาของรถปอร์เช่ที่แตกหักเสียบคาอยู่
                         "แพทย์ยืนยันว่า สาเหตุที่ทำให้ พ.ต.ศักดิภัทรเสียชีวิตเพราะกระดูกสันหลังแทงทะลุแกนสมอง ซึ่งเกิดจากแรงกระแทกที่เกิดจากรถปอร์เช่พุ่งชนท้ายในลักษณะมุดลงใต้ท้อง จนรถลอยขึ้นเหนือระดับผิวถนนและตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง ซึ่ง พ.ต.ศักดิภัทรเสียชีวิตทันทีหลังจากรถปอร์เช่พุ่งชน" พล.ต.ท.จรัมพร ให้ข้อมูล
                         หลังการชน รถปอร์เช่ ถลไปหลายสิบเมตรก่อนจอดขวางช่องจราจรขวาสุด ขณะที่รถ Toyota Fortuner ตกลงมาขวางช่องจราจรด้านขวาไม่ห่างจากจุดที่ถูกชนครั้งแรกมากนัก จึงถูกรถมาสด้า 2 ซึ่งมีนายอำนาจขับตามมาด้วยความเร็วประมาณ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชนเข้าที่บริเวณล้อหลังด้านขวาทำให้หมุนคว้างไปกระแทกกับเสาโคมไฟขอบทาง (เสาที่ 617) อย่างแรงจนเสาโคมไฟงอ และส่วนท้ายด้านซ้ายของรถครูดไปกับสันกำแพงขอบทางจนสีรองพื้น โครเมียมและทองแดงมือจับประตู ติดอยู่กับขอบทาง ก่อนจะหมุนหันหน้าไถลไปชนท้ายด้านขวาของรถปอร์เช่ซึ่งขวางทางอยู่
                         ส่วนรถมาสด้า 2 หลังจากชนรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์แล้วได้เสียหลักไปกระแทกเสาโคมไฟ (เสาที่ 618) จนสีขาวของรถเปื้อนเสาโคมไฟ หลังจากนั้นได้หมุนอ้อมทั้งรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์และรถปอร์เช่ที่ขวางทางอยู่ ไปจอดนิ่งชิดขอบทางด้านขวา
                         "แอนิเมชั่น" ชุดนี้บอกเล่าวินาทีการเกิดอุบัติเหตุอย่างชัดเจน ทำให้สำนวนการสอบสวนมีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น
                         พล.ต.ท.จรัมพร บอกว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากสาเหตุหลักๆ อยู่เพียง 3 ประการ คือ 1.การขับรถขณะเมาสุรา 2.การขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และ 3.ขับรถช้าแต่ไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย ทั้งที่ มาตรา 35 ในพระราชบัญญัติจราจร พ.ศ.2535 ระบุว่า รถวิ่งช้าต้องชิดขอบทางด้านซ้าย
                         "คนขับรถปอร์เช่มีแอลกอฮอล์ในเลือดถึง 131 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขับรถด้วยความเร็วสูงถึง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่คนขับรถฟอร์จูนเนอร์มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 62 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขับรถช้าเพียง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ขับอยู่ในช่องกลางเหลื่อมไปทางช่องขวา ขวางทางรถปอร์เช่ จึงถูกชนเข้าอย่างจัง ขณะที่รถมาสด้า 2 ที่วิ่งตามหลังมาก็ใช้ความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ขวางทางอยู่เลยพุ่งชนอย่างแรงเกิดความสูญเสียขึ้น" พล.ต.ท.จรัมพร บอกถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
                         พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดำเนินคดีบุคคลเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้คือ นายอำนาจ ผู้ขับขี่รถยนต์มาสด้า 2 ในข้อหาขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงถูกเปรียบเทียบปรับ
                         ขณะที่ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้ง เนื่องจากแพทย์ให้ความเห็นว่า พ.ต.ศักดิภัทร ผู้ขับขี่รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งรถยนต์มาสด้า 2 ของนายอำนาจพุ่งชน เสียชีวิตตั้งแต่ถูกรถยนต์ปอร์เช่พุ่งชนครั้งแรก
                         ส่วนนายไทยฟ้า พนักงานสอบสวน ทำสำนวนเสนออัยการพิจารณาสั่งฟ้องในข้อหาขับรถขณะมึนเมา ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และมีผู้ถึงแก่ความตาย ขณะที่ พ.ต.ศักดิภัทร มีความผิดฐานขับรถขณะมึนเมา ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และมีผู้ถึงแก่ความตาย ต่อมาพนักงานอัยการมีคำสั่งให้ยุติการดำเนินคดี เนื่องจากผู้ต้องหาถึงแก่ความตาย ทำให้สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องระงับไป ตามมาตรา 39 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
                         พล.ต.ท.จรัมพร เสนอแนวทางป้องกันอุบัติเหตุบนทางด่วนโทลล์เวย์ไว้ว่า ผู้เกี่ยวข้องควรหาทางป้องกันรถยนต์ วัสดุ สิ่งของ ร่วงหล่นจากถนนยกระดับลงสู่เบื้องล่าง โดยการติดตั้งขอบทางให้สูงขึ้นจากเดิม ซึ่งสูงเพียง 1 เมตร ตามจุดเสี่ยง เช่น ทางโค้ง ทางลง ทางร่วม และจุดที่มีลมพัดแรงเป็นเหตุให้รถเสียการทรงตัว ควรจะติดตั้งป้ายเตือนระวัง "ลมแรง" ไว้เพื่อผู้ขับขี่จะได้ระมัดระวัง
                         นอกจากนี้ควรติดตั้งระบบตรวจจับความเร็วอัตโนมัติไว้ ใครฝ่าฝืนจะออกหมายเรียกไปยังเจ้าของรถให้มาจ่ายค่าปรับในอัตราสูง และให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ผู้ฝ่าฝืนกฎดังกล่าวควบคู่ด้วย อีกทั้งควรจัดให้มีสายด่วนบริการขับรถคนเมาส่งบ้าน "car service คุณเมาเราขับ" ไว้ช่วยเหลือคนเมา โดยให้ประชาชนที่เมาโทรศัพท์ไปแจ้งรับบริการนี้ หลังจากนั้นจะมีพนักงานขับรถที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วมาให้บริการขับรถของคนเมาไปส่งถึงบ้านทั้งคนทั้งรถ โดยคิดค่าบริการในอัตราที่เหมาะสม




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น