วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แจ้งราคาจำหน่าย “2014 Mazda3” ล่าสุดใน U.S. แล้วพร้อมประหยัดเชื้อเพลิงสุดยอด

แจ้งราคาจำหน่าย “2014 Mazda3” ล่าสุดใน U.S. แล้วพร้อมประหยัดเชื้อเพลิงสุดยอด

หลังจากได้ปล่อยทั้งรูปภาพและวีดีโอออกมามากมายเกี่ยวกับรถแบบ 2014 Mazda3 ทั้งแบบ Sedan และ Hatchback ล่าสุดนั้นทางค่ายรถชื่อดังจากญี่ปุ่นได้นำเสนอราคาจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกาออกมาแล้ว
ราคาจำหน่ายของรถรุ่นนี้นั้นจะเริ่มต้นที่ $16,945 สำหรับรถขนาดเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรไปจนถึงเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรแบบเกียร์ 6 สปีดในรุ่น Grand Touring hatchback พร้อมทั้งภาษีมูลค่าเพิ่มอีก $795 และในส่วนของเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีดนั้นจะเพิ่มราคาอีก $1,050 ในรุ่นทั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรและเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร
สำหรับอัตราการประหยัดน้ำมันของเจ้ารถแบบ hatchback ในเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรนั้นจะอยู่ที่ 29 mpg บนถนน/40 mpg บนทางด่วน highway และ 33 mpg ในแบบ combined (วิ่งแบบผสม) และในส่วนของรถแบบ Sedan จะอยู่ที่ 29 mpg (city) และ 41 mpg (highway) ในแบบเกียร์กระปุกและ 30 mpg (city) และ 41 mpg ในแบบ highway (เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด)

ปิดท้ายด้วยเจ้าเครื่องยนต์กำลัง 184 แรงม้าขนาด 2.5 ลิตรนั้นจะมีอัตราการประหยัดอยู่ที่ 28 mpg (city) และ 39 mpg (highway) หรือ 29 mpg (city) และ 40 mpg (highway) เมื่อหันมาใช้อุปกรณ์แต่งจาก i-ELOOP (ราคา $1,600 ที่มาพร้อมกับโฉมแบบ Touring Technology Package)
และทั้งหมดนี้คือราคาของเจ้า Mazda 3 โฉมปี 2014 ใหม่ทั้งหมด

2014 Mazda3 i 2.0L SV Sedan Manual – $16,945
2014 Mazda3 i 2.0L SV Sedan Auto – $17,995
2014 Mazda3 i 2.0L Sport Sedan Manual – $18,445
2014 Mazda3 i 2.0L Sport Hatch Manual – $18,945
2014 Mazda3 i 2.0L Touring Sedan Manual – $19,595
2014 Mazda3 i 2.0L Touring Hatch Manual – $20,095
2014 Mazda3 i 2.0L Grand Touring Sedan Manual – $22,745
2014 Mazda3 i 2.0L Grand Touring Hatch Manual – $23,245
2014 Mazda3 s 2.5L Touring Sedan Auto – $24,595
2014 Mazda3 s 2.5L Touring Hatch Auto – $25,095
2014 Mazda3 s 2.5L Grand Touring Sedan Auto – $25,995

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Mazda ยืนยัน! ไม่จำเป็นต้องสร้างโรงงานในยุโรป แม้ยอดขายจะเพิ่มขึ้นก็ตาม

Mazda ยืนยัน! ไม่จำเป็นต้องสร้างโรงงานในยุโรป แม้ยอดขายจะเพิ่มขึ้นก็ตาม

ทางค่ายผู้ผลิต มาสด้า กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างโรงงานผลิตรถเพิ่มในยุโรป แม้ความจริงที่ว่า ยอดขายรถในภูมิภาคนี้จะเพิ่มขึ้นก็ตาม ทางด้าน Jeff Guyton ผู้บริหาร Mazda ในยุโรป กล่าวต่อสื่อ Autonews Europe ว่า ทางผู้ผลิตรถสัญชาติญี่ปุ่นมีแนวโน้มจะสร้างโรงงานขนาดใหญ่ แต่จะต้องทำกำไรอันมหาศาลจากการผลิตในท้องถิ่นด้วยเช่นกัน

ด้านผู้บริหารกล่าวว่า “ความตั้งใจของเราก็คือการเพิ่มปริมาณการผลิต ซึ่งจะต้องควบคู่ไปกับราคาและคุณภาพด้วยเช่นกัน” ในปัจจุบัน ทางค่าย Mazda นำเข้าโมเดลทุกตัวจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้ามาจำหน่ายในยุโรป ตามรายงานจาก Guyton ทางค่ายยังคงไม่ได้รับยอดขายที่น่าพอใจมากพอที่จะสร้างโรงงานในภูมิภาคนี้

ทางค่ายผู้ผลิตต้องการยอดขายรุ่นละประมาณ 200,000 คัน เพื่อจะพิจารณาสร้างโรงงานในยุโรป โดย Guyton กล่าวต่อสื่อว่า “ในปีที่ดีที่สุดของเรา สามารถจำหน่ายรถทุกรุ่นรวมกันได้ถึง 320,000 คัน บางทีแล้ว ถ้ายอดขายเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2 เท่า การเริ่มต้นสร้างโรงงานก็มีแนวโน้มจะเป็นไปได้ แต่ในตอนนี้ คงต้องรอไปก่อน”

ในช่วงครึ่งปีแรก ทางค่าย Mazda สามารถจำหน่ายรถทั้งหมดได้ถึง 74,419 คัน ในประเทศเครือ EU และ EFTA คิดเป็นยอดขายเพิ่มขึ้น 5.4% โดยโมเดลที่มีส่วนสำคัญกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้คือ CX-5 crossover และ Mazda6 โฉมใหม่ ทางค่ายได้แชร์ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 1% ไปเป็น 1.2% ตามรายงานจาก ACEA
Mazda จะเตรียมปล่อย Mazda3 hatchback ขนาดกะทัดรัด และ sedan โฉมใหม่ สู่ตลาดในยุโรปช่วงปลายปีนี้ โดยรถตระกูลหมายเลข 3 จะเป็นโมเดลตัวที่สามที่มาพร้อมเทคโนโลยี SkyActiv ถัดจาก CX-5 และMazda6

Mazdaมาสด้าMazda 2มาสด้า 2Mazda 3มาสด้า 3Mazda BT-50 Proมาสด้า บีที 50 โปรMazda 6, มาสด้า 6Mazda CX-5,  Mazda MX-5

ฟอร์ด เฟียสต้า, ฟอร์ด เรนเจอร์, ไทรทัน, แอททราจ, เชฟโรเลต ครูซ, เชฟโรเลต แคปติวา, ฮอนด้า ฟรีด, ซูซูกิ เออร์ติก้า, ซูซูกิ สวิฟท์, ดีแม็ก, ISUZU, นิสสัน ซิลฟี, นิสสัน นาวาร่า, วีโก้, เชฟโรเลต โคโลราโด, Toyota Avanza

วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

New Mazda2 / Demio ถูกเผยภาพหลุดผ่านนิตยสารชื่อดังญี่ปุ่น

New Mazda2 / Demio ถูกเผยภาพหลุดผ่านนิตยสารชื่อดังญี่ปุ่น

ปัจจุบันนั้นรถในรุ่น “Mazda 2 หรือ Demio” นั้นยังคงใช้แฟลตฟอร์มพื้นฐานของรถแบบ  Ford Fiesta อยู่ซึ่งมากกว่าระยะเวลา 6 ปีเข้าให้แล้ว และล่าสุดนั้นหลังจากได้รับการปรับปรุงการออกแบบเพื่อให้เข้ากับตัวรถครั้งล่าสุดนั้นพวกเขายังหันไปทำเทคโนโลยีแบบ SKYACTIV เชื่อมโยงเพิ่มเติมด้วย

ซึ่งข่าวลือเกี่ยวกับ Demio ได้โผล่ขึ้นมาเป็นครั้งคราวและพวกเขาก็อยู่ในช่วงที่กำลังพิจารณาถึงการสร้างมันขึ้น (ซึ่งก่อนหน้านี้มียืนยันว่าได้อนุมัติอย่างเป็นทางการแล้ว) โดยคาดการณ์ว่าจะแชร์การผลิตร่วมกับทางรถแบบ CX-5 crossover ด้วย

โดยล่าสุดนั้นนิตยสารของทางญี่ปุ่นได้มีการเผยแพร่ภาพซึ่งเชื่อว่าจะเป็นรูปแบบใหม่ของรถทั้งหมดออกมา (บางส่วนนั้นอาจจะยังดูไม่ชัดเนื่องจากมันไม่ได้นำลงในสื่อออนไลน์) โดยหากมองดูข้างหน้านั้นจะมีมิติขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆของเรา (แต่หลังคาของรถนั้นรูปทรงดูค่อนข้างน่าอึดอัดพอสมควร)

Mazdaมาสด้าMazda 2มาสด้า 2Mazda 3มาสด้า 3Mazda BT-50 Proมาสด้า บีที 50 โปรMazda 6มาสด้า 6, Mazda CX-5,  Mazda MX-5

ฟอร์ด โฟกัสโตโยต้า วีออสโตโยต้า อแวนซ่าฮอนด้า ซิตี้ฮอนด้า ซีวิคฮอนด้า แจ๊สนิสสัน มาร์ชนิสสัน อัลเมร่า

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

18 ล้อ หลับในพุ่งข้ามเกาะชนรถทัวร์ เก๋ง กระบะ ดับ 1 เจ็บ 11 ราย

18 ล้อ หลับในพุ่งข้ามเกาะชนรถทัวร์ เก๋ง กระบะ ดับ 1 เจ็บ 11 ราย

 วันนี้ (11 ส.ค.) เมื่อเวลา 04.00 น. เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์วิ่งข้ามเลนไปชนกับรถบรรทุกพ่วง รถดีแม็ก และรถเก๋ง เหตุเกิดบนถนนพหลโยธิน เส้นทางด่วนขาขึ้น หลักกิโลเมตรที่ 95-96 ต.ห้วยทราย อ.หนองแค จ.สระบุรี ที่เกิดเหตุพบรถทัวร์กรุงเทพฯ – จตุรพักตรพิมาน หมายเลขข้างรถ 24-51 หมายเลขทะเบียน 14-1817 กรุงเทพมหานคร  พุ่งชนรถบรรทุก 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 72-1750 กรุงเทพมหานคร ของบริษัท บิ๊กทรัค ทรานสปอร์ท จำกัด ซึ่งบรรทุกตู้คอนเทรนเนอร์มาด้วย ใกล้กันพบรถปิกอัพยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน ดฬ 3965 กรุงเทพมหานคร และรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 3 หมายเลขทะเบียน ญม 7290 กรุงเทพมหานคร สภาพถูกชนยับเยินได้รับความเสียหายหนัก

เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ร่วมกตัญญู และสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี ต่างช่วยกันนำผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลศูนย์สระบุรี 9 ราย และโรงพยาบาลหนองแค 2 ราย และมีผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในซากรถบรรทุก18ล้อ เป็นคนขับทราบชื่อนายก้าน นาเพ็ชร อายุ 45 ปี  ชาว จ.ลพบุรี  อุบัติเหตุครั้งนี้มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 11ราย  

จากการสอบสวนทราบว่ารถทัวร์วิ่งจากจตุรพักตรพิมาน มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ พอมาถึงที่เกิดเหตุคาดว่าคนขับรถทัวร์เกิดหลับในรถจึงวิ่งข้ามเกาะกลางถนนก่อนวิ่งมาชนกับรถปิกอัพ รถเก๋ง และรถบรรทุกเทเลอร์ที่วิ่งอยู่บนทางขาเข้าสระบุรีอย่างจัง ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายรายและคนขับรถบรรทุก 18 ล้อ เสียชีวิตดังกล่าว
 


MAZDA จัดเต็ม! ออกรถวันนี้ ขับฟรีถึงปีหน้า ถึง 30 มิ.ย.56

MAZDA จัดเต็ม! ออกรถวันนี้ ขับฟรีถึงปีหน้า ถึง 30 มิ.ย.56

MAZDA HOT DEAL ให้คุณสปอร์ต…ร้อนแรงยิ่งขึ้น

พิเศษ สำหรับ มาสด้า 3 รับขับฟรีถึงปีหน้า หรือ ดอกเบี้ย 0% พร้อมฟรี! ประกันชั้นหนึ่ง 1 ปี
ดาว์เพียง 15% ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน  มาสด้า2 เฉพาะรุ่น Maxx และ Spint เว้นรุ่น Racing Series
และสำหรับ มาสด้า 3 โดยเฉพาะ 2.0 ลิตร มาสด้า บีที 50 โปร เฉพาะรุ่นฟรีสไตล์แค็ป 4X2 2.2 Hi-Racer,4×2 2.2V และ ดับเบิ้ลแค็ป 4X2 2.2 Hi-Racer

ข้อเสนอนี้ยกเว้น มาสด้า MX-5 และ CX-9
มาสด้า3 1.6 ลิตร ดาวน์ 25% ผ่อน 36 เดือน, มาสด้า 3 รุ่น 2.0 ลิตร ดาวน์ 25% ผ่อน48 เดือน
ด่วน! วันนี้ – 30 มิถุนายน 2556 นี้เท่านั้น

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มาสด้า3 ชนกระบะ กวาดรถกลุ่มพลเมืองดีช่วยคนเจ็บกลางถนน ดับรวด3 เจ็บ 4

มาสด้า3 ชนกระบะ กวาดรถกลุ่มพลเมืองดีช่วยคนเจ็บกลางถนน ดับรวด3 เจ็บ 4

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 00.45 น. วันที่ 26 ธันวาคม   เกิดอุบัติเหตุรถชนกับ 7 คันรวด ที่บริเวณถนนสายราชบุรี – จอมบึง ช่วงก่อนถึงอุทยานหินเขางู  หมู่ที่  5 ตําบลเจดีย์หัก  อําเภอเมือง  จังหวัดราชบุรี  มีผู้เสียชีวิตที่เกิดเหตุทันที 3 คน และบาดเจ็บอีก 4 คน  พ.ต.ท.พงษ์ชนัฐ  สมจิตร  สารวัตรเวร สภ.เมืองราชบุรี  พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลราชบุรี และเจ้าหน้าที่มูลมิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ราชบุรี เข้า ตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ถูกชนเกลื่อนถนน รวม 5 คัน  ประกอบด้วยจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ  สีชมพู   หมายเลขทะเบียน คคก-768  ราชบุรี  จักรยานยนต์แต่งแบบคลาสสิคโบราณ ยี่ห้อ ยามาฮ่า สีแดง  หมายเลขทะเบียน ก-3896  ราชบุรี   จักรยานยนต์ยี่ห้อ ยามาฮ่า ฟีโน่  สีฟ้า-ขาว  หมายเลขทะเบียน ขวก- 234 ราชบุรี  จักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้าเวฟ สีขาว-เทา หมายเลขทะเบียน ขรพ-177 ราชบุรี  และจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน-ขาว  หมายเลขทะเบียน ขลษ-99  ราชบุรี  แต่ละคันอยู่สภาพพังยับเยิน

นอกจากนี้ ยังมีรถเก๋งยี่ห้อ มาสด้า 3  สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ฎล-4311  กรุงเทพฯ สภาพด้านหน้าพังและด้านข้างด้านซ้ายพังยับเยิน ตกอยู่ในพงษ์หญ้า  และยังมีรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ ดีแมค  สีบรอนซ์เทา  หมายเลขทะบียน บร-1881 ราชบุรี มีร่องรอยถูกเฉี่ยวชนด้านหน้า   ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 4 ราย ทราบชื่อต่อมาคือนางจินณะณัฎฐ์   สุขสวัสดิ์   นายชนะพล  ศิลปะนาวา  และนายพร  ศิริเอก  และผู้บาดเจ็บอีกคนไม่ทราบชื่อ 

ส่วนผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 3 ราย ทราบชื่อคือ นายชัยชนะ  ศิลปะนาวา  อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/6 เขตเทศบาลเมืองราชบุรี  อำเภอเมือง  จังหวัดราชบุรี  นายสุทธิพงษ์  ผาสุก  อายุ 18 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 9809  หมู่ 2  ตําบลเกาะพลับพลา  อําเภอเมือง  จังหวัดราชบุรี และนายมนัสวิน  โชติช่วง  อายุ 17 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 101/3  หมู่ 10  ตําบลหินกอง  อําเภอเมือง  จังหวัดราชบุรี  

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตํารวจทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกันอยู่กลางถนน   2  คัน  จากนั้นมีรถจักรยานยนต์ อีก 3 คัน  พร้อมด้วย นายพร  ศิริเอก   ซึ่งขับขี่รถกระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ ดีแมค  มาจอดเพื่อ ช่วยเหลือช่วงขณะโบกรถบอกสัญญามีเหตุ   ได้มีมีรถกระบะคันหนึ่งเห็นเหตุการณ์จริงเบรกรถ  แต่มีรถเก๋ง ยี่ห้อมาสด้า 3 ซึ่งมีนายสุทธิพันธ์  ศรีษะ  อายุ 32 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 74/114  หมู่ 7  แขวงแสมดำ  เขตบางขุนเทียน  กรุงเทพฯ เป็นคนขับมาด้วยความเร็วเบรกไม่ทัน   เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมืดมาก  ตัดออกไปทางเลนขวาพุ่งเข้าชนกลุ่มรถจักรยานยนต์ที่จอดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอยู่  ที่เฉี่ยวชนกันกลางถนนอย่างจัง  จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3 ราย    ส่วนนายพร  ศิริเอก    ซึ่งเป็นพลเมืองดีลงจากรถกระบะมาช่วยโบกรถถูกชนจนขาหัก และรถจักรยานยนต์ที่ถูกรถเก๋งชนกระเด็นไปชนรถอีซูซุดีแมคของนายพรจนได้รับความเสียหายอีกด้วย  เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงมีผู้เสียชีวิตคาที่ 3 ราย  และบาดเจ็บ 4 ราย  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายสุทธิพันธ์  ศรีษะ    คนขับรถเก๋งไว้ดำเนินคดี


  อย่างไรก็ตามสําหรับที่ราชบุรี ช่วงเมื่อวานนี้ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นหลายครั้ง  โดยเฉพาะช่วงเช้าของวันที่ 25 ธันวาคมได้มีรถตู้โดยสารยางหลังระเบิดพลิกควํ่ามีผู้บากเจ็บ 10 ราย และเสียชีวิต 3 ราย  และช่วงกลางวันที่ถนนเพชรเกษม อําเภอปากท่อ  เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งชนรถไถนา มีผู้เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 6 คน และมาครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต 3 บาดเจ็บ 4  คน รวมสามเหตุการณ์สองวันมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด  7  ราย บาดเจ็บ 20 คน

ความจริง! ซิ่ง PORSCHE ชนลูกอดีตรมต.

ความจริง! ซิ่ง PORSCHE ชนลูกอดีตรมต.



                         "เมาแล้วขับ" เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่ขาดระยะ ไม่เว้นแม้แต่กรณีนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมชื่อดังย่านถนนข้าวสาร "ไทยฟ้า ชยวรประภา" กรรมการผู้จัดการ บจ.บัดดี้ กรุ๊ป และเจ้าของโรงแรมบัดดี้ วิลเลจ วัย 54 ปี ที่เสียชีวิตไปเพราะอุบัติเหตุบนท้องถนน
                         หลังจากที่นักธุรกิจเจ้าของโรงแรมรายนี้ ขับรถยนต์เปอร์เช่ รุ่น 911 จีที 2 ทะเบียน กก 911 กรุงเทพมหานคร ชนกับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ทะเบียน ษข 3333 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมี พ.ต.ศักดิภัทร ปทุมารักษ์ บุตรชาย "ชาญชัย ปทุมารักษ์" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ขับขี่ เป็นเหตุให้ทั้งสองเสียชีวิตคาที่ และยังทำให้ "อำนาจ กลิ่นอยู่" วัย 30 ปี ได้รับบาดเจ็บไปด้วย เนื่องจากขับรถยนต์มาสด้า 2 สีขาว ทะเบียน ฎว 2188 พุ่งชนเป็นคันที่ 3 ต่อเนื่องกัน
                         อุบัติเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ เกิดขึ้นบนทางด่วนโทลล์เวย์ ขาออก ช่วงหน้าสำนักงานที่ทำการหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เมื่อปลายเดือนเมษายน 2555 ซึ่ง พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้าอำนวยการการทำงานของตำรวจพิสูจน์หลักฐานด้วยตัวเอง เพื่อไขปริศนาชนวนเหตุแห่งอุบัติเหตุร้ายแรงคดีนี้
                         หลังเกิดเหตุศพนายไทยฟ้า และศพ พ.ต.ศักดิภัทร ถูกส่งไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีระเบียบปฏิบัติว่า กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร เจ้าหน้าที่ต้องเก็บหลักฐานจากเลือด โดยการตรวจปริมาณแอลกฮอล์ในเลือดส่งให้พนักงานสอบสวนใช้ประกอบสำนวนคดี
                         พบว่า นายไทยฟ้า มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดมากถึง 131 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขณะที่ พ.ต.ศักดิภัทร มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 62 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขณะที่กฎกระทรวงฉบับที่ 16 พ.ศ.2537 ออกตามความ พ.ร.บ.จราจร พ.ศ.2522 กำหนดให้ผู้ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่า "เมาสุรา"
                         ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่พบในร่างกายของผู้ตายทั้ง 2 คน เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หมายความว่า ผู้ตายทั้งสองขับขี่รถยนต์ขณะ "เมาสุรา" ส่วนนายอำนาจ ซึ่งได้รับบาดเจ็บ พบว่า "ไม่ได้ดื่มสุรา"
                         หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ส่วนนี้ ชี้ชัดว่า "การขับรถขณะเมาสุรา" เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ 
                         ขณะที่ภาพวงจรปิด รวมถึงร่องรอยในที่เกิดเหตุ ทั้งรอยเบรก และรอยครูดของรถยนต์ ที่ปรากฏอยู่บนผิวถนนเป็นระยะทางยาวประมาณ 120 เมตร และสภาพความเสียหายที่เกิดจากการชนของรถยนต์ทั้ง 3 คัน เป็นหลักฐานอีกส่วนที่บอกเล่าถึงวินาทีแห่งความเป็นความตาย
                         ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ประมวลหลักฐานทั้งหมดจัดทำเป็น "แอนิเมชั่น" จำลองเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ
                         เริ่มจากทางด่วนโทลล์เวย์ ขาออก จุดเกิดเหตุแบ่งช่องจราจรไว้ 3 ช่อง ซึ่งร่องรอยที่เกิดเหตุชี้ชัดว่า จุดชนครั้งแรกอยู่ใน "ช่องกลาง" ค่อนไปทางขวา โดยรถยนต์ปอร์เช่ ใช้ความเร็วสูงถึง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พุ่งชนท้ายรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ซึ่งวิ่งด้วยความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
                         โดยรถปอร์เช่ใช้บริเวณหน้าขวาชนเข้าที่ด้านหลังค่อนไปทางซ้ายของรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ด้วยความสูงของตัวถังรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ที่มีมากกว่า ทำให้รถปอร์เช่มุดเข้าใต้ท้อง และด้วยความแรงทำให้รถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์กระเด็นลอยจากพื้นถนน ก่อนที่บริเวณท้ายรถจะตกลงมากระทบประตูด้านฝั่งคนขับรถปอร์เช่ ซึ่งมีสีเทาของรถปอร์เช่ติดอยู่บริเวณใต้ท้องรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์เป็นหลักฐานยืนยัน เช่นเดียวกับบริเวณหลังคารถปอร์เช่ที่เปื้อนน้ำมันเฟืองท้าย ขณะที่เฟืองท้ายของรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์แตก ขอบล้อแม็กซ์หลังด้านขวาแตก โดยมีชิ้นส่วนไฟหน้ารถด้านขวาของรถปอร์เช่ที่แตกหักเสียบคาอยู่
                         "แพทย์ยืนยันว่า สาเหตุที่ทำให้ พ.ต.ศักดิภัทรเสียชีวิตเพราะกระดูกสันหลังแทงทะลุแกนสมอง ซึ่งเกิดจากแรงกระแทกที่เกิดจากรถปอร์เช่พุ่งชนท้ายในลักษณะมุดลงใต้ท้อง จนรถลอยขึ้นเหนือระดับผิวถนนและตกลงมากระแทกพื้นอย่างรุนแรง ซึ่ง พ.ต.ศักดิภัทรเสียชีวิตทันทีหลังจากรถปอร์เช่พุ่งชน" พล.ต.ท.จรัมพร ให้ข้อมูล
                         หลังการชน รถปอร์เช่ ถลไปหลายสิบเมตรก่อนจอดขวางช่องจราจรขวาสุด ขณะที่รถ Toyota Fortuner ตกลงมาขวางช่องจราจรด้านขวาไม่ห่างจากจุดที่ถูกชนครั้งแรกมากนัก จึงถูกรถมาสด้า 2 ซึ่งมีนายอำนาจขับตามมาด้วยความเร็วประมาณ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชนเข้าที่บริเวณล้อหลังด้านขวาทำให้หมุนคว้างไปกระแทกกับเสาโคมไฟขอบทาง (เสาที่ 617) อย่างแรงจนเสาโคมไฟงอ และส่วนท้ายด้านซ้ายของรถครูดไปกับสันกำแพงขอบทางจนสีรองพื้น โครเมียมและทองแดงมือจับประตู ติดอยู่กับขอบทาง ก่อนจะหมุนหันหน้าไถลไปชนท้ายด้านขวาของรถปอร์เช่ซึ่งขวางทางอยู่
                         ส่วนรถมาสด้า 2 หลังจากชนรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์แล้วได้เสียหลักไปกระแทกเสาโคมไฟ (เสาที่ 618) จนสีขาวของรถเปื้อนเสาโคมไฟ หลังจากนั้นได้หมุนอ้อมทั้งรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์และรถปอร์เช่ที่ขวางทางอยู่ ไปจอดนิ่งชิดขอบทางด้านขวา
                         "แอนิเมชั่น" ชุดนี้บอกเล่าวินาทีการเกิดอุบัติเหตุอย่างชัดเจน ทำให้สำนวนการสอบสวนมีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น
                         พล.ต.ท.จรัมพร บอกว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากสาเหตุหลักๆ อยู่เพียง 3 ประการ คือ 1.การขับรถขณะเมาสุรา 2.การขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และ 3.ขับรถช้าแต่ไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย ทั้งที่ มาตรา 35 ในพระราชบัญญัติจราจร พ.ศ.2535 ระบุว่า รถวิ่งช้าต้องชิดขอบทางด้านซ้าย
                         "คนขับรถปอร์เช่มีแอลกอฮอล์ในเลือดถึง 131 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขับรถด้วยความเร็วสูงถึง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่คนขับรถฟอร์จูนเนอร์มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 62 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ขับรถช้าเพียง 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ขับอยู่ในช่องกลางเหลื่อมไปทางช่องขวา ขวางทางรถปอร์เช่ จึงถูกชนเข้าอย่างจัง ขณะที่รถมาสด้า 2 ที่วิ่งตามหลังมาก็ใช้ความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ขวางทางอยู่เลยพุ่งชนอย่างแรงเกิดความสูญเสียขึ้น" พล.ต.ท.จรัมพร บอกถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
                         พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาดำเนินคดีบุคคลเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้คือ นายอำนาจ ผู้ขับขี่รถยนต์มาสด้า 2 ในข้อหาขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงถูกเปรียบเทียบปรับ
                         ขณะที่ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย พนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้ง เนื่องจากแพทย์ให้ความเห็นว่า พ.ต.ศักดิภัทร ผู้ขับขี่รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งรถยนต์มาสด้า 2 ของนายอำนาจพุ่งชน เสียชีวิตตั้งแต่ถูกรถยนต์ปอร์เช่พุ่งชนครั้งแรก
                         ส่วนนายไทยฟ้า พนักงานสอบสวน ทำสำนวนเสนออัยการพิจารณาสั่งฟ้องในข้อหาขับรถขณะมึนเมา ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และมีผู้ถึงแก่ความตาย ขณะที่ พ.ต.ศักดิภัทร มีความผิดฐานขับรถขณะมึนเมา ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และมีผู้ถึงแก่ความตาย ต่อมาพนักงานอัยการมีคำสั่งให้ยุติการดำเนินคดี เนื่องจากผู้ต้องหาถึงแก่ความตาย ทำให้สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องระงับไป ตามมาตรา 39 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
                         พล.ต.ท.จรัมพร เสนอแนวทางป้องกันอุบัติเหตุบนทางด่วนโทลล์เวย์ไว้ว่า ผู้เกี่ยวข้องควรหาทางป้องกันรถยนต์ วัสดุ สิ่งของ ร่วงหล่นจากถนนยกระดับลงสู่เบื้องล่าง โดยการติดตั้งขอบทางให้สูงขึ้นจากเดิม ซึ่งสูงเพียง 1 เมตร ตามจุดเสี่ยง เช่น ทางโค้ง ทางลง ทางร่วม และจุดที่มีลมพัดแรงเป็นเหตุให้รถเสียการทรงตัว ควรจะติดตั้งป้ายเตือนระวัง "ลมแรง" ไว้เพื่อผู้ขับขี่จะได้ระมัดระวัง
                         นอกจากนี้ควรติดตั้งระบบตรวจจับความเร็วอัตโนมัติไว้ ใครฝ่าฝืนจะออกหมายเรียกไปยังเจ้าของรถให้มาจ่ายค่าปรับในอัตราสูง และให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ผู้ฝ่าฝืนกฎดังกล่าวควบคู่ด้วย อีกทั้งควรจัดให้มีสายด่วนบริการขับรถคนเมาส่งบ้าน "car service คุณเมาเราขับ" ไว้ช่วยเหลือคนเมา โดยให้ประชาชนที่เมาโทรศัพท์ไปแจ้งรับบริการนี้ หลังจากนั้นจะมีพนักงานขับรถที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วมาให้บริการขับรถของคนเมาไปส่งถึงบ้านทั้งคนทั้งรถ โดยคิดค่าบริการในอัตราที่เหมาะสม